วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

รถตุ๊กๆ

รถที่ขึ้นชื่อ

รถตุ๊กตุ๊กหัวกบ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
รถตุ๊กตุ๊กหัวกบในปัจจุบัน
รถตุ๊กตุ๊กหัวกบ เป็นรถบรรทุกสามล้อขนาดเล็ก ที่ใช้ในการขนส่งสิ่งของสำหรับอุตสาหกรรมขนาดเล็กจากประเทศญี่ปุ่น ถูกดัดแปลงมาจากรถบรรทุกสามล้อขนาดใหญ่ เพื่อใช้เป็นยานพาหนะสามล้อขนส่งสำหรับธุรกิจขนาดเล็กในสมัยก่อน โดยเน้นการออกแบบตัวรถและสีของรถให้เป็นเอกลักษณ์ มีลักษณะตัวรถในรูปแบบของกระบะสามล้อขนาดเล็ก ไม่มีหลังคาครอบด้านหลัง อีกทั้งหัวรถยังมีลักษณะคล้ายกับหัวกบ จึงทำให้รถบรรทุกสามล้อขนาดเล็กคันนี้ เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในประเทศแถบเอเชียรวมทั้งประเทศไทย
ปัจจุบัน รถตุ๊กตุ๊กหัวกบ กลายเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของอำเภอเมืองตรัง แม้จะมีอายุที่มากกว่าครึ่งศตวรรษแล้วก็ตาม แต่ในปัจจุบันชาวตรังยังคงใช้รถตุ๊กตุ๊กหัวกบเป็นรถโดยสารบริเวณรอบอำเภอเมืองตรัง จึงเป็นเรื่องไม่น่าแปลกใจนักถ้าหากจะเห็นนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวจังหวัดตรังส่วนใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มักจะไม่พลาดโปรแกรมนั่งรถตุ๊กตุ๊กหัวกบตระเวนรอบเมืองตรัง
ร้านอาหารที่ขึ้นชื่อ
  

1.เรือนไทยติ่มซำ ตรัง


10 ร้านอาหารอร่อย ในเมืองตรัง มาแล้วต้องลอง!!

เรือนไทยติ่มซำ เป็นตึกแถวที่เนืองแน่นด้วยลูกค้าแวะมาอุดหนุนแบบไม่ขาดสาย อิ่มอร่อยในราคา 239 บาท 2 คน ใครผ่านไปตรังอย่าลืมแวะทานนะคะ

ที่อยู่ :
 ถนนเพลินพิทักษ์ ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง ตรัง
เบอร์โทรศัพท์ เรือนไทยติ่มซำ : 075 219-342, 083 180-7675
วันและเวลาเปิดปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 06.00 - 11.00 น.


2.ร้านอาหาร เลตรัง 2 ตรัง


10 ร้านอาหารอร่อย ในเมืองตรัง มาแล้วต้องลอง!!

ร้านเลตรัง 2 ติ่มซำแสนอร่อยที่นึ่งสดใหม่ทุกวัน มีให้เลือกลิ้มลองกว่า 40 ชนิด ในบรรยากาศห้องแอร์เย็นสบาย หรือบรรยากาศร่มรื่นของต้นไม้ลอยฟ้า

ที่อยู่ : 13 ซอยไทรงาม 1 ถนนไทรงาม ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง ตรัง
เบอร์โทรศัพท์ ร้านอาหาร เลตรัง 2 : 075217700 , 0816655870 , 0897723080
วันและเวลาเปิดปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 06.00 - 14.00 น. และ 17.00 - 22.00 น.
ภาพจาก : http://www.facebook.com/laytrang.dimsum 


3.ตรังหมูย่าง จ.ตรัง


10 ร้านอาหารอร่อย ในเมืองตรัง มาแล้วต้องลอง!!

ตรังหมูย่าง หมูย่างตรัง ปาท่องโก๋ เป็น อาหารเช้าของเมืองตรังมีขนมจีบด้วย หมูย่างตรัง รสชาติความอร่อยเป็นที่เลื่องลือเพราะหนังกรอบ หอมเครื่องเทศ ใครไปเยือนเมืองตรังแล้วไม่ควรพลาดที่จะไปแวะชิม โดยร้านหาไม่ยากอยู่แถวถนนห้วยยอดตรงไปเกือบจะถึงซอย 9 ค่ะ

ที่อยู่ : 201/5 ถนนห้วยยอด ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง ตรัง
เบอร์โทรศัพท์ ตรังหมูย่าง จ.ตรัง : 075212306 , 0897239328
วันและเวลาเปิดปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 06.00 - 13.00 น.


วันและเวลาเปิดปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 06.30-21.00 น.
ที่มา  http://www.edtguide.com/article/424221/10-%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%87

กะปิ

กะปิท่าข้าม


กะปิท่าข้าม...กะปิดังแห่งบ้านหยงสตาร์ตำบลท่าข้าม อำเภอปะเหลียน ทำจากกุ้งตัวเล็ก ๆ
ที่ชาวบ้านเรียกว่า "ตัวเคย"ใช้เป็นเครื่องปรุงประกอบอาหารหรือตำน้ำพริกก็อร่อยไม่แพ้กัน

เค้กเมืองตรัง

เค้กเมืองตรัง                 
“เค้กมีรู” ของอร่อยคู่ตรัง เมืองคนช่างกิน
“ขนมเค้กเมืองตรัง” หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “เค้กมีรู”
       “เมืองตรัง” ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองของคนช่างกิน และเมื่อเอ่ยถึงเมืองตรังของกินที่ขึ้นชื่อก็คงจะเป็น หมูย่างเมืองตรัง หรือติ่มซำ อาหารเช้ายอดฮิตตลอดกาลของคนตรัง
      
       แต่นอกจากหมูย่างเมืองตรังที่ขึ้นชื่อแล้ว จังหวัดตรังยังมีของหวานอีกอย่างหนึ่งที่ขึ้นชื่อไม่แพ้กัน และของหวานที่ว่านั้นก็คือ “ขนมเค้กเมืองตรัง” หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “เค้กมีรู”
       

       “เค้กมีรู” ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกที่ ต.ลำภูรา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ในสมัยก่อนเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า “เค้กขุกมิ่ง” ได้ชื่อมาจาก ขุกมิ่ง แซ่เฮง เจ้าตำรับขนมเค้กตรัง ที่ได้เดินทางมาตั้งรกรากอยู่ที่จังหวัดตรัง โดยขุกมิ่งได้คิดทำขนมเค้กของตนเองเพื่อกินคู่กับกาแฟ โดยพัฒนาสูตรมาจากร้านขนมในอำเภอทับเที่ยง และคิดค้น พัฒนาต่อจนกลายมาเป็นขนมเค้กเมืองตรัง
“เค้กมีรู” ของอร่อยคู่ตรัง เมืองคนช่างกิน
อร่อยกับขนมเค้กเมืองตรัง
       ขนมเค้กเมืองตรัง เป็นขนมที่ใช้วัตถุดิบในการทำเพียงไม่กี่อย่างเป็นส่วนผสม ได้แก่ แป้ง เนย น้ำตาล สีผสมอาหาร ผงฟู และไข่ไก่ โดยกรรมวิธีในการทำจะค่อยๆ นำส่วนผสมแต่ละอย่างมาตีให้เข้ากัน แล้วนำไปเทลงแบบพิมพ์เค้กที่มีรูตรงกลาง เพื่อเวลาอบเค้กจะได้สุกทั่วถึงกันในระยะเวลาที่พอดี พออบเสร็จก็จะได้"ขนมเค้กเมืองตรัง" ที่มีเอกลักษณ์ตรงที่มีเป็นเค้กมีรู
      
       ปัจจุบันเค้กเมืองตรัง มีรสชาติให้เลือกมากมายกว่า 20 ชนิด ทั้ง รสกาแฟ ใบเตย เค้กมะพร้าว เค้กเผือก เค้กลิ้นจี่ เค้กสามรส เค้กนมสด ฯลฯ จึงทำให้เค้กเมืองตรังเป็นที่นิยม และกลายเป็นของฝากของผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาในจังหวัดตรัง
      
       ซึ่งหากใครได้มีโอกาสมาเยือนจังหวัดตรัง นอกจากจะกินหมูย่างเมืองตรัง หรืออาหารเช้าอย่างติ่มซำแล้ว อย่าลืมหาซื้อ “เค้กเมืองตรัง” หรือ “เค้กมีรู” ติดไม้ติดมือไปเป็นของฝากกลับบ้านกันได้
       
        ที่มาhttp://www.manager.co.th/Food/ViewNews.aspx?NewsID=9570000007372

หมูย่าง

อาหารขึ้นชื่อ

   
1. หมูย่าง หากย้อนตำนานต้นกำเนิดของหมูย่างนั้นเกิดขึ้นในประเทศจีน ประมาณ 1,000 ปีมาแล้ว ในสมัยราชวงศ์ถัง การค้นพบวิธีการย่างหมูนั้นช่างเป็นการบังเอิญเหลือเกิน ในขณะที่พ่อครัวในพระราชวังกำลังปรุงอาหาร ทำหมูชิ้นหนึ่งตกลงไปในเตาถ่าน จนเนื้อสุกและหนังไหม้ พ่อครัวลองหยิบมาชิม รู้สึกว่าหมูชิ้นนั้นมีรสชาติหอมกรอบอร่อย จึงทำให้เขามีความคิดว่า การนำหมูมาย่างเป็นอาหารจะอร่อยกว่าการนำไปใช้ทำอาหารอย่างอื่น ดังนั้นพ่อครัวจึงทดลองนำหมูมาย่างแล้วนำขึ้นถวายฮ่องเต้ ฮ่องเต้ทรงโปรดมาก เนื่องจากเมื่อย่างหมูพอสุกพอเหมาะ หนังหมูจะมีสีเหลืองดุจทองคำสุกอร่าม ฮ่องเต้จึงตั้งชื่อหมูย่างนี้ว่า หมูทอง ชาวจีนใช้ชื่อนี้เรียกมาจนถึงปัจจุบัน เมื่อเวลาผ่านมานับพันปี วิชาการหมูย่างก็ได้เผยแพร่โดยการสืบทอดตระกูลของพ่อครัว จนกระทั่งมาถึงมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเป็นมณฑลที่ชาวเมืองมีฝีมือในการปรุงอาหาร จะเห็นได้จากอาหารจีนที่มีรสอร่อยที่สุดจะปรุงโดยพ่อครัวชาวกวางตุ้งทั้งสิ้น ดังนั้นจากเดิมหมูย่างซึ่งเป็นอาหารเฉพาะของฮ่องเต้ก็เริ่มแพร่หลายมาเป็นอาหารของสามัญชน แต่ก็ยังถือว่าหมูย่างยังเป็นอาหารระดับฮ่องเต้อยู่
เมื่อประมาณ 100 ปีก่อนนี้ชาวจีนในมณฑลกวางตุ้งซึ่งอยู่ใกล้ทะเล ได้เริ่มอพยพออกจากประเทศโดยทางเรือเพื่อเสาะหาแผ่นดินทางทะเลใต้ คือ ประเทศไทย ซึ่งร่ำลือกันว่ามีความอุดมสมบูรณ์กว่าประเทศจีนมาก จึงได้ลงเรือกันมาผจญภัยพร้อมกันทั้งหมู่บ้าน และมีบางส่วนได้เดินทางเข้ามาประเทศไทยโดยขึ้นฝั่งที่อำเภอกันตัง หรือปากแม่น้ำตรัง และได้มาบุกเบิกตั้งรกรากอยู่ที่จังหวัดตรัง
ชาวจีนที่อพยพมานี้มีหลายอาชีพ ส่วนใหญ่จะมาบุกเบิกทำไร่พริกไทย จึงได้ตั้งชื่อจังหวัดตรังว่า "เมืองพริกไทย" ชาวจีนเหล่านี้จึงได้มีการเลี้ยงหมูพันธุ์เล็กซึ่งได้นำลงเรือมาด้วยในตำบลทับเที่ยง ปัจจุบันคืออำเภอเมือง จังหวัดตรัง ปรากฏว่าได้ผลดีมาก ต่อมาได้มีคนกลุ่มหนึ่งนำหมูมาชำแหละขาย ซึ่งก็คือต้นตระกูลของร้านฟองจันทร์ หลังจากนั้นร้านฟองจันทร์ได้รับชาวจีนคนหนึ่งมาจากมณฑลกวางตุ้งชื่อนายซุ่น มีความสามารถในการย่างหมูมาก หมูที่ย่างจะมีรสชาติกลมกล่อมและหนังที่กรอบ สมัยนั้นจังหวัดตรังมีผู้ที่ย่างหมูได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ต่อมาเมื่อนายซุ่นมีอายุมากขึ้นก็ได้ฝึกผู้ช่วยขึ้นมา วิชาการย่างหมูจึงได้แพร่หลายจากรุ่นสู่รุ่นตั้งแต่นั้นมา
หมูย่างนั้นเดิมเป็นอาหารที่ใช้ในการเซ่นไหว้ของหมู่คนจีน ในงานศพ งานมงคล งานเทศกาลต่างๆ และประกอบพิธีกรรมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือการบนบานศาลกล่าวตามวิถีชีวิตซึ่งยังสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ต่อมาหมู่คนจีนในเมืองตรังนิยมนำหมูย่างมากินกับกาแฟ กระทั่งความนิยมกระจายมาสู่หมู่คนตรังในระดับชนชั้นกลางที่เป็นข้าราชการ นักธุรกิจในเขตเมืองตรังและชานเมืองเป็นลำดับ จนกลายเป็นวัฒนธรรมการกินกาแฟกับหมูย่างในยามเช้าที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนหมูย่างเมืองตรังจึงกลายเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดตรังไปในที่สุด
จากอาหารพื้นเมืองที่นิยมรับประทานกันในวงจำกัด หมูย่างเมืองตรังได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากหอการค้าจังหวัดตรังด้วยการจัดงานเทศกาลหมูย่างเมืองตรังขึ้นตั้งแต่ปี 2533 ต่อเนื่องมาทุกปีจนถึงปัจจุบัน ประกอบกับการได้โหนกระแสนโยบายการท่องเที่ยวของรัฐบาล จึงกลายเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศ กลายเป็นของแปลก ของโปรด ของประจำบ้านประจำเมืองไปในที่สุด
ที่มา
      http://board.postjung.com/631789.html

หอนาฬิกา



หอนาฬิกา


หอนาฬิกา (อังกฤษ: Clock tower) เป็นสิ่งก่อสร้างซึ่งประกอบด้วยหน้าปัดนาฬิกาตั้งแต่หนึ่งหน้าขึ้นไป นิยมสร้างไว้กับสถานที่สำคัญต่าง ๆ ทั้งที่เป็นหอโดด ๆ และผนวกกับอาคารอื่น โดยมากหอนาฬิกามักมีสี่หน้าปัด ภายในมีกลไกนาฬิกาสำหรับต่อเชื่อมกับหน้าปัดภายนอก บางทีอาจมีระฆัง เพื่อตีบอกเวลา ซึ่งอาจตีทุกชั่วโมง หรือตีเป็นระยะ




ในสมัยก่อน หอนาฬิกาเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะโดยมากในสมัยนั้นผู้คนยังไม่มีนาฬิกาพกหรือนาฬิกาข้อมือ แต่ปัจจุบันก็ยังคงความสำคัญอยู่ ในฐานะที่หมายตา เช่น หอบิ๊กเบน ที่พระราชวังเวสต์มินสเตอร์ สหราชอาณาจักร และหอสพัสสกายา (Spasskaya Tower) ที่พระราชวังเครมลิน สหพันธรัฐรัสเซีย

สำหรับหอนาฬิกาที่สูงที่สุดในโลกคือ นาฬิกาประจำตึกเอ็นทีที โดโคโม โยโยกิ (NTT DoCoMo Yoyogi Building) ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ส่วนหอนาฬิกาสี่หน้าแบบไม่ตีระฆังที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือหอนาฬิกาอัลเลน-แบร็ดเลย์ (Allen-Bradley Clock Tower) หอนาฬิกาสี่หน้าที่สูงที่สุดในโลก อยู่ที่กรุงวอร์ซอ[1] และทั้งหมดนี้ไม่มีการตีระฆัง จึงทำให้หอบิ๊กเบน คงเป็น หอนาฬิกาสี่หน้าที่มีการตีระฆังที่สูงที่สุดในโลก

ที่มา https://sites.google.com/site/thitii1234/hx-nalika-canghwad-trang

ถ้ำเลเขากรอบ

ถ้ำเลเขากอบ ตรัง

ถ้ำเลเขากอบ ตั้งอยู่ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อย ระยะทาง 4 กิโลเมตร ถ้ำเลเขากอบ มีทางน้ำ ใต้ดินไหลผ่าน ต้องใช้เรือล่องตามลำน้ำเข้าไปข้างใน เพื่อ ไปชมหินงอกหินย้อยอันงดงาม ซึ่งยังมีการ ก่อตัว ของหินอยู่ ภายในถ้ำ หนึ่งในความอัศจรรย์ที่ได้รับให้เป็น Unseen Thailand คือ ในถ้ำสุดท้ายซึ่งไม่สามารถ เดินชมได้เพราะต้อง ล่องเรือชมถ้ำโดยการนอนราบไปกับเรือเป็นระยะทางประมาณ 800 เมตร แม้จะเป็นเพียงระยะทางสั้น เป็นช่วงแห่งการลุ้นระทึก สร้างความตื่นเต้นและแอบหวาดเสียวให้กับนักท่องเที่ยวได้ไม่น้อย เพราะในบางช่วงหน้าและลำตัวแทบติดกับผนังของถ้ำแทบจะชนกันเลย ทีเดียว


ถ้ำเลเขากอบ ตรัง

ถ้ำเลเขากอบ 
มีโถงถ้ำมากมายหลายถ้ำ อาทิ ถ้ำคนธรรพ์ ถ้ำรากไทร ถ้ำท้องพระโรง ถ้ำพระสวรรค์ ถ้ำตะพาบน้ำ ถ้ำเพชร ถ้ำพลอย และถ้ำแป้ง เป็นต้น แต่ปัจจุบันนี้ เปิดให้บริการท่องเที่ยวเพียง 5 ถ้ำเท่านั้น ได้แก่

ถ้ำคนธรรพ์
เป็นโถงถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม และมีหินอยู่ส่วนหนึ่งที่เมื่อเคาะแล้วจะเกิดเสียงกังวาลคล้ายเสียงเครื่องดนตรีไทย นอกจากนี้ ชาวบ้านยังเล่าต่อกันว่า ในอดีตมีคนธรรพ์มาเคาะเล่นดนตรีให้นางกินรีฟังขณะที่กำลังเล่นน้ำตกภายในถ้ำ และมีหินส่วนหนึ่ง ย้อยลงมา คล้ายกับฉากมโนราห์สวยงาม

ถ้ำท้องพระโรง

ถ้ำรากไทร 
เป็นโถงถ้ำที่มีลักษณะทางเดินยาว ตลอดทางเดินจะมีรากไทรขนาดใหญ่ทอดตัวขนานไปตลอดทางเดิน

ถ้ำเจ้าสาว 
มีหินงอกลักษณะคล้ายผ้าม่านกั้นอยู่บริเวณด้านหน้าโถง ภายในมีแท่นหินลักษณะคล้ายเตียงนอน ชาวบ้านในท้องถิ่นเชื่อกันว่า หากคนที่ยังไม่มีคู่ เมื่อลอดเข้าโถงถ้ำทางช่องกลางของม่านเจ้าสาว กลับไปก็จะได้พบกันเนื้อคู่ แต่ถ้าหากมีคู่แล้วก็ให้ลอดช่อง ทางด้านซ้ายมือก็จะอยู่กันอย่างมีความสุข แต่ถ้าหากคนไหนมีคู่แล้ว ต้องการมีเพิ่มก็ให้ลอดช่องด้านขวามือ เมือกลับไปจะได้พบคู่เพิ่ม และเมื่อออกจากโถงถ้ำเจ้าสาว จะต้องออกทางช่องใหญ่ มิฉะนั้นจะไม่เป็นดังคำอธิฐาน

ถ้ำลอด หรือ ถ้ำมังกร ( Unseen Thailand  ) 
เป็นจุดเด่นของการเที่ยวถ้ำเลเขากอบ เนื่องจากโถงถ้ำมีระดับเพดานถ้ำต่ำมากเกือบติดหน้าและลำตัว การเดินทางผ่านถ้าลอดต้องอาศัย การนอนราบไปบนเรือ ตลอดระยะทางประมาณ 350 เมตร เปรียบเสมือนการนอนลอดผ่านท้องมังกร ซึ่งมีความเชื่อว่า หากใครได้ ลอดผ่านท้องมังกรเหมือนเป็นการสะเดาะห์กลับไปก็จะพบแต่ความโชคดี
ถ้ำเลเขากอบ สามารถเที่ยวได้ตลอดปี ยกเว้นในฤดูฝนบางช่วงที่มีปริมาณน้ำมาก เรืออาจเข้าไปไม่ได้ ค่าเรือพายราคาลำละ 300 บาท นั่งได้ 5 ท่าน สามารถติดต่อได้บริเวณปากทางเข้าด้านหน้าได้เลย
ถ้ำเลเขากอบ ตรัง
ถ้ำเลเขากอบ ตรังถ้ำเลเขากอบ ตรัง
ถ้ำเลเขากอบ ตรังถ้ำเลเขากอบ ตรัง
ถ้ำเลเขากอบ ตรังถ้ำเลเขากอบ ตรัง
ถ้ำเลเขากอบ ตรังถ้ำเลเขากอบ ตรัง
ถ้ำเลเขากอบ ตรังถ้ำเลเขากอบ ตรัง



การเดินทางไปถ้ำเลเขากอบ ตรัง


1 โดยรถยนต์ส่วนตัว
- ถ้ำเลเขากอบห่างจากเมืองตรัง ประมาณ 35 กิโลเมตร ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 สายตรัง-ห้วยยอด-วังวิเศษ ทางแยกเข้าถ้ำ อยู่เลยอำเภอห้วยยอดไปทางวังวิเศษประมาณ 7 กิโลเมตร โดยเลี้ยวซ้ายเข้าถนน รพช. (เขากอบ-หัวแหวน) ระหว่างหลัก กิโลเมตรที่ 7-8 เข้าไปประมาณ 500 เมตร จึงเลี้ยวซ้ายไปเขากอบ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้ง ถ้ำทะเล
2. รถโดยสารสาธารณะ
- นั่งรถตู้ตรัง ห้วยยอด จากตัวเมืองตรัง รถตู้จะจอดอยู่เลยโบสถ์คริสต์เมืองตรังไปนิดนึง บอกคนขับให้ไปส่งหน้าถ้ำเลเขากอบ ได้เลย ค่ารถตู้คนละ 60 บาท ขากลับก็สามารถสอบถามร้านค้าแถวนั้นจ้างวานมอเตอร์ไซต์ไปลง ตรงสี่แยกห้วยยอดยังไม่ถึงตลาด จากนั้นต่อรถโดยสารภูเก็ต ตรัง ไปลงในตัวเมืองตรัง ซึ่งบริเวณสี่แยกจะเป็นจุดจอดรถโดยสาร จะสะดวกกว่าไปขึ้นรรถตู้ที่ตลาดห้วยยอดซึ่งค่อนข้างไกลออกไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อบต. เขากอบ โทร 0 7527 1808 และศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยว จังหวัดตรัง โทร 0 7521 5867

ที่มา: http://www.paiduaykan.com/province/south/trang/thamlay.html

เกาะม้า เกาะเชือก


เกาะม้า เกาะเชือก


เกาะม้า เกาะเชือก อยู่ระหว่างเกาะมุกและเกาะไหง ทั้งสองเกาะ ถือเปนจุดดำน้ำชมปะการัง ที่สวยที่สุดของทะเลตรังสามารถ ชม ปะการังอ่อนมีทั้งสีแดง สีส้ม สีม่วง สีเหลือง สีชมพู และอีกมากมาย สัมผัส ดาวขนนก เกาะเชือกเป็นเกาะเล็กๆ ทั้ง 3 เกาะ อยู่ในวงล้อมของเกาะมุก และเกาะกระดาน เป็นเกาะสัมปทานรังนกทั้งสามเกาะ ห่างจากเกาะไหงประมาณ 4 กิโลเมตร มีลักษณะ เป็นโขดหิน แหละหน้าผาหินสูงชัน ไม่มีชายหาด หรือบ้านเรือนของผู้คน และชาวประมงอาศัยอยู่บนเกาะทั้งสาม นอกจากมี กระท่อมของคนเฝ้ารังนกปลูกเรียงรายบนโขดหินรอบตัวเกาะ บริเวณรอบเกาะทั้งสามเป็นแหล่งดำน้ำ ชมปะการังชนิดต่างๆ มีทั้ง ปะการังน้ำตื้น และน้ำลึกรายรอบ มีฝูงปลาทะเลสีสันสวยงามนานาชนิด เช่น ปลานกแก้ว ปลาโนรี ปลาสินสมุทร ปลาลายเสือ ส่วนเกาะม้า อยู่ใกล้ไกับเกาะเชือก ไม่มีชายหาด ซึ่งหากมองผิวเผินจะดูเหมือนกองหินขนาดใหญ่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาเท่านั้น จุดเด่น ของ 2 เกาะนี้อยู่ที่จุดดำน้ำตื้นที่สมบูรณ์และสวยงาม ระหว่าง 2 เกาะนี้มีกระแสน้ำเชี่ยว จึงต้องใช้เชือกคอยช่วงพยุงตัวเวลาดำน้ำ จึงเป็นที่มาของเกาะเชือก ส่วนเกาะม้า รูปร่างของเกาะคล้ายกับห้วม้ากลางทะเล ปะการังอ่านหลากสีที่ปกติแล้วจะพบแต่ใจน้ำลึก สามารถพบเห็นได้ที่ระดับน้ำไม่ลึกนัก
เกาะม้า

หรือหากใครไม่ชอบเดิน อยากเที่ยวเมืองตรังให้ได้อรรถรสและเข้าบรรยากาศยิ่งขึ้น สามารถเหมารถตุ๊ก ตุ๊ก หัวกบ เที่ยวรอบเมือง เป็นรถตุ๊ก ตุ๊กที่พบเห็นได้เพียงหนึ่งเดียวในเมืองตรังเท่านั้น เรียกว่ากลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองตรังเลยทีเดียว รถตุ๊ก ตุ๊ก จะจอดรอผู้โดยสารให้เห็นหลายคันหน่อยก็ตรงบริเวณหน้าสถานีรถไฟเมืองตรังสนนราคาแล้วแต่ตกลงว่าจะไปตรงจุดไหนบ้าง โปรแกรมท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะแวะ สถานีรถไฟตรัง ชมตึกเก่าชิโนโปรตุกีส หอนาฬิกา ศาลากลางจังหวัดตรัง บ้านนายชวน หลีกภัย ลานวัฒนธรรม ศุนย์จำหน่ายสินค้าโอทอป; วัดท่าจีน แม่น้ำตรัง ราคาจอยู่ที่ ชั่วโมงละ 200 บาท แล้วแต่ระยะทางและจำนวน สถานที่ สามารถติดต่อรถตุ๊กได้ที่สถานีรถไฟตรัง

เกาะม้า
เกาะม้า เกาะม้า
เกาะม้า เกาะม้า
เกาะม้า เกาะม้า
เกาะม้า เกาะม้า
เกาะม้า เกาะม้า
เกาะม้า เกาะม้า
เกาะม้า เกาะม้า
เกาะม้า เกาะม้า

  ที่มา : http://www.paiduaykan.com/province/south/trang/khoma.html

ต้นยางพาราต้นแรก


ต้นยางพาราต้นแรก

ต้นยางพาราต้นแรก จะอยู่ก่อนจะเข้าเมืองกันตังคุณจะเห็นป้ายบอก "ต้นยางพารา"ต้นแรกของประเทศไทยเป็นต้นยาง ที่พระยา รัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดีเดินทางไปดูงานในประเทศมลายู เห็นชาวมลายูปลุกยางกันมีผลดีมาก ก็เกิดความสนใจที่จะนำยาง เข้ามาปลูกใน ประเทศไทยบ้างแต่พันธุ์ยาง สมัยนั้น ฝรั่งซึ่งเป็นเจ้าของสวนยาง หวงมาก ทำให้ไม่สามารถนนำพันธุ์ยางกลับมาได้ ในการเดินทางครั้งนั้นจนกระทั่ง พ.ศ. 2444 พระสถล สถานพิทักษ์ เดินทางไปที่ประเทศอินโดเซีย จึงมีโอกาสนำกล้ากลับมาได้ โดยเอากล้ายางมาหุ้มรากด้วยสำลีชุบนน้ำ แล้วหุ้มทับด้วยยกระดาษหนังสือพิมพ์อีกชั้นหนึ่งจึงบรรจุลงลังไม้ฉำฉา ใส่เรือกลไฟซึ่ง เป็นเรือส่วนตัวของพระสถลฯรีบเดินทางกลับประเทศไทยทันที




ยางที่นำมาครั้งนี้มีจำนวน ถึง 4 ลัง ด้วยกันพระสถลสถานพิทักษ์ ได้นำมาปลูกไว้ที่บริเวณหน้าบ้านพัก ที่อำเภอกันตังจังหวัดตรัง ซึ่งปัจจุบันนี้ยังเหลือให้เห็นเป็นหลักฐานเพียงต้นเดียว อยู่บริเวณหน้าสหกรณ์การเกษตรกันตัง และจากยางรุ่นแรกนี้ พระสถล สถานพิทักษ์ ได้ขยายเนื้อที่ปลูกออกไป จนมีเนื้อที่ปลูกประมาณ 45 ไร่ นับได้ว่า พระสถลสถานพิทักษ์ คือ ผู้เป็น เจ้าของ สวนยางคนแรกของประเทศไทยจากนั้น พระยารัษฎานุประดิษฐ์ ได้ส่งคนไปเรียนวิธีปลูกยางเพื่อมาสอนประชาชน นักเรียนของ ท่านที่ส่งไปก็ล้วนแต่เป็นเจ้าเมือง นายอำเภอ กำนัน และผู้ใหญ่บ้านทั้งสิ้น พร้อมกันนั้นท่านก็สั่งให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นำพันธุ์ยาง ไปแจกจ่ายและส่งเสริมให้ราษฎรปลูกทั่วไป ซึ่งในยุคนั้น อาจกล่าวได้ว่าเป็นยุคตื่นยาง และชาวบ้านเรียก ยางพารานี้ว่า “ยางเทศา”ขณะนี้มีการปลูกยางพาราไปทั่วทั้งภาคใต้และภาคตะวันออก เนื้อที่ประมาณ 9 ล้านไร่ มีผู้ถือครองประมาณ 5 แสน ครอบครัวและจัดเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญรองลงมาจากข้าวทำรายได้ให้กับประเทศ ปีละนับหมื่นล้านบาทพระยารัษฎานุประดิษฐ์ มหิศรภักดีได้รับการยกย่องและให้เกียรติเป็นนบิดาแห่งยางพาราไทยด้วยเหตุฉะนี้

การเดินทางไปกันตัง

สามารถนั่งรถตู้ตรัง-กันตัง ใช้เวลา 30 นาที ขึ้นรถที่ถนนกันตัง ค่าโดยสารคนละ 60

ที่มา : http://www.paiduaykan.com/province/south/trang/yangpara.html

เกาะกระดาน

เกาะกระดาน

เกาะกระดาน เป็นเกาะที่สวยเกาะหนึ่ง ของจังหวัดตรัง อยู่ในความรับผิดชอบ ของอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม เกาะกระดานเป็นเกาะที่มีความกว้างมาก มีชายหาดที่มีทรายขาวละเอียด ชายหาดกว้างใหญ่สวยงามน่าเล่นน้ำ น้ำทะเลใสจนมองเห็น แนวปะการังน้ำตื้น ตลอดจนฝูงปลาหลากหลายพันธุ์ ทุกวันจะมีนักท่องเที่ยวมาแวะจอดเรือเล่นน้ำ อาบแดด ชมความงามของ หาดทรายกันเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังเป็นเกาะที่อุดมไปด้วยสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้หรือชั้นหิน ที่สวยงาม แปลกตาแปลกใจมากมาย เป็นเกาะที่สวยงามในทางธรรมชาติจนได้รับความสนใจมากขึ้นในระดับ ประเทศเพราะมีการเข้าสำรวจ ธรรมชาติเป็นประจำ



*ชายหาดเกาะกระดาน เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ อยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะ มีชายหาดขาวยาวประมาณ 2 กิโลเมตร บริเวณด้านหน้าของชายหาด นักท่องเที่ยวนิยมมาดำน้ำดูปะการัง ซึ่งยาวตลอดแนวชายหาด จากชายหาดสามารถมองเห็นเกาะลิบง เกาะแหวน เกาะมุก และเกาะเชือก และยังสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นได้อีกด้วย เกาะกระดานจะมีหลายชายหาดบนเกาะดังนี้

*ชายหาดอ่าวเนียง ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ เป็นหาดทรายขาวยาวประมาณ 800 เมตร ด้านหน้าชายหาด นักท่องเที่ยวนิยมดำน้ำดูปะการัง ซึ่งมีตลอดแนวชายหาด จากชายหาดนี้สามารถมองเห็นเกาะลิบงได้

*ชายหาดอ่าวไผ่ ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ เป็นหาดทรายขาวยาวประมาณ 200 เมตร ด้านหน้าของ ชายหาดไม่มีแนวปะการัง สามารถมองเห็นเกาะเชือก เกาะแหวน เกาะมุก สามารถชื่นชมกับดวงอาทิตย์ตกได้สวยงาม

*ชายหาดอ่าวช่องลม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะ อยู่เหนือที่ทำการพิทักษ์อุทยานฯ ห่างไปประมาณ 800 เมตร สามารถเดินเท้า ขึ้นเนินไปชมดวงอาทิตย์ตก มองเห็นเกาะรอกได้อย่างชัดเจน

ในทุกปีในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ เกาะกระดานจะเป็น สถานที่จัดงานวิวาห์ใต้สมุทร ซึ่งจัดขึ้นทุกปี และโด่งดังไปทั่วโลก
เกาะกระดาน
เกาะกระดานเกาะกระดาน
เกาะกระดานเกาะกระดาน
เกาะกระดานเกาะกระดาน
เกาะกระดานเกาะกระดาน
เกาะกระดานเกาะกระดาน
ที่พักเกาะกระดาน

*กระดานบีชรีสอร์ทwww.kradanbeachresort.com
*กระดานไอร์แลนด์รีสอร์ท www.kradanisland.com
*เดอะ เซเว่นซี รีสอร์ท www.sevenseasresorts.com


จองที่พักตรัง ราคาพิเศษมีห้องว่างยืนยันห้องพีกทันที 

*การเดินทางไปเกาะกระดาน
สามารถซื้อแพคเกจท่องเที่ยวทัวร์ทะเล 4 เกาะ ได้แก่ เกาะกระดาน เกาะไหง ถ้ำมรกต(เกาะมุก)เกาะม้า จาก บริษัททัวร์ที่ให้ บริการในตัวเมืองตรัง เป็นทริปแบบไปเช้าเย็นกลับ ราคาแพคเกจจะอยู่ที่ 750 – 900 บาท หรือหากใครอยากลงที่เกาะดานและ ค้างคืนก็ได้ โดยนั่งเรือของทริป ไปลงที่เกาะและอีกวันเก็นั่งเรือของทัวร์เดิมกลับ แต่ต้องนัดหมายกันให้เรียบร้อย แต่เรือท่องเที่ยว ส่วนมากจะเป็นเรือใหญ่เข้าไปจอดเทียบฝั่ง ไม่ได้ ต้องแจ้งทาง รีสอร์ทบนเกาะให้นำเรือเล็กมารับที่เรือ หรือจะเช่าเหมาลำ จากท่าเรือปากเมง ให้บริการตั้งแต่ 8.00-16.00 ของทุกวัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง

ที่มา : http://www.paiduaykan.com/province/south/trang/kradanisland.html